Advertisement

CPO Mill Reliability & Availability

รายงานเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานการดำเนินงานของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม (45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง)

1. บทนำการเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmarking) ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม การดำเนินการดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประเมินผลการดำเนินงานของตนเองเมื่อเทียบกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดหรือค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง 1 ผู้ใช้งานรายงานนี้มีความประสงค์ที่จะกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงงานที่มีกำลังการผลิต 45-60 ตันของทะลายปาล์มสด (Fresh Fruit Bunches: FFB) ต่อชั่วโมง โดยมีเหตุผลเพื่อใช้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นพื้นฐานในการประเมินเบื้องต้น รายงานนี้ตระหนักดีว่าเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้นเหล่านี้สร้างขึ้นจากชุดข้อมูลที่จำกัด และอาจจำเป็นต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นในอนาคต

2. ความเข้าใจเกี่ยวกับการเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มการเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานสามารถนิยามได้ว่าเป็นกระบวนการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานขององค์กรหนึ่งกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดหรือค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เพื่อระบุส่วนที่ต้องปรับปรุง 1 การดำเนินการดังกล่าวช่วยให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเข้าใจถึงสถานะของตนเองเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายอื่นในอุตสาหกรรม และระบุช่องว่างในการดำเนินงานที่อาจเกิดขึ้น 1 การตระหนักถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการกำหนดเป้าหมายและวางแผนการปรับปรุงที่มีประสิทธิภาพบทบาทของการเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานมีความสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ในการแปรรูปน้ำมันปาล์ม 2 การระบุแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดผ่านการเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานสามารถนำไปสู่เทคนิคการแปรรูปที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตารางการบำรุงรักษาที่ดีขึ้น หรือการจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ 6 นอกจากนี้ การเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานด้านคุณภาพยังช่วยให้โรงงานมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของตนเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและความคาดหวังของลูกค้า 4ในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม มีการใช้กรอบการเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานและเครื่องมือต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักร (Overall Equipment Effectiveness: OEE) และแบบจำลอง SCOR (Supply Chain Operations Reference) 4 OEE เป็นตัวชี้วัดที่ประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตเมื่อเทียบกับศักยภาพสูงสุด โดยพิจารณาถึงความพร้อมใช้งาน ประสิทธิภาพ และคุณภาพ 4 ในขณะที่แบบจำลอง SCOR เป็นกรอบการทำงานที่ใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน 7 การใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มสามารถวัดและเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของตนเองกับเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรมได้อย่างเป็นระบบ

3. เกณฑ์มาตรฐานความพร้อมใช้งานและความน่าเชื่อถือสำหรับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม (45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง)

  • 3.1. การนิยามความพร้อมใช้งานและความน่าเชื่อถือในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม: ความพร้อมใช้งาน (Availability) ในบริบทของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของเวลาที่โรงงานหรืออุปกรณ์ต่างๆ พร้อมสำหรับการปฏิบัติงานตามกำหนดเวลา 11 ซึ่งรวมถึงเวลาที่ไม่ได้วางแผนหยุด (เช่น ความขัดข้องของอุปกรณ์) และเวลาที่วางแผนหยุด (เช่น การบำรุงรักษาตามกำหนด) ความน่าเชื่อถือ (Reliability) หมายถึง ความน่าจะเป็นที่โรงงานหรืออุปกรณ์จะสามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ตั้งใจไว้ได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดในช่วงเวลาที่กำหนดภายใต้เงื่อนไขที่ระบุ 23 โดยทั่วไปแล้ว ความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้นจะนำไปสู่ความพร้อมใช้งานที่สูงขึ้น เนื่องจากอุปกรณ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงมีแนวโน้มที่จะเกิดความขัดข้องน้อยลง
  • 3.2. เกณฑ์มาตรฐานความพร้อมใช้งาน: ข้อมูลจากเอกสารวิจัยชี้ให้เห็นถึงเกณฑ์มาตรฐานความพร้อมใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม โดยทั่วไปแล้ว การบรรลุ OEE ระดับโลก (80-85%) สัมพันธ์กับอัตราความพร้อมใช้งานที่ประมาณ 92-94% 4 ซึ่งบ่งชี้ถึงเป้าหมายที่สูงมากสำหรับผู้ที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ความพร้อมใช้งานของโรงงานอาจไม่คงที่ตลอดทั้งปี และได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณ FFB ที่กำลังดำเนินการ และความถี่ของความขัดข้องของอุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีความต้องการสูง 5 ความพร้อมใช้งานสามารถคำนวณได้โดยการนำเวลาปฏิบัติงานมาหารด้วยเวลารวมที่กำหนดไว้ 5กรณีศึกษาในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแห่งหนึ่งในมาเลเซียพบว่า อัตราความพร้อมใช้งานเป็นองค์ประกอบที่ต่ำที่สุดของ OEE โดยอยู่ที่ 58.20% 9 ซึ่งบ่งชี้ว่าความพร้อมใช้งานอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินงานของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มหลายแห่ง 9 ข้อมูลจากอุตสาหกรรมการผลิตโดยทั่วไปแสดงให้เห็นว่าคะแนน OEE ส่วนใหญ่อยู่ใกล้เคียง 55-60% 32 หากสมมติว่าประสิทธิภาพและคุณภาพอยู่ในระดับที่คล้ายคลึงกัน (ประมาณ 90% สำหรับแต่ละรายการ) ความพร้อมใช้งานโดยนัยจะอยู่ที่ประมาณ 68-74% 32 ตัวอย่างการคำนวณความพร้อมใช้งานแสดงให้เห็นค่าต่างๆ เช่น 76.04% (365 นาที / 480 นาที) 11 และ 86.6% (390 นาที / 450 นาที) 33 อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าค่า OEE สูงในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยว (มกราคม-เมษายน) แต่ต่ำในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว (พฤษภาคม-ธันวาคม) เนื่องจากความขัดข้องของโรงงานและกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ซึ่งเชื่อมโยงความพร้อมใช้งานกับปัจจัยเหล่านี้โดยตรง 5โดยสรุปแล้ว ความพร้อมใช้งานในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่มีกำลังการผลิต 45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง มีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วง 75% ถึง 85% ภายใต้สภาวะปกติ โดยอาจลดลงในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเนื่องจากความขัดข้องและปัญหาด้านกำลังการผลิต เป้าหมายระดับโลกควรอยู่ที่ 90% ขึ้นไป 4
  • 3.3. เกณฑ์มาตรฐานความน่าเชื่อถือ (MTBF และ MTTR): เอกสารวิจัยให้คำจำกัดความและวิธีการคำนวณสำหรับ MTBF (Mean Time Between Failures) ซึ่งหมายถึง เวลาเฉลี่ยระหว่างความขัดข้อง และ MTTR (Mean Time To Repair) ซึ่งหมายถึง เวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการซ่อมแซม 15 MTBF สามารถคำนวณได้จากเวลารวมที่อุปกรณ์ปฏิบัติงานหารด้วยจำนวนครั้งที่อุปกรณ์ขัดข้อง 26 ในขณะที่ MTTR คำนวณจากเวลารวมที่ใช้ในการซ่อมบำรุงโดยไม่ได้วางแผนหารด้วยจำนวนครั้งที่อุปกรณ์ขัดข้อง 35 ตัวอย่างสำหรับเครื่อง CNC แสดงให้เห็นว่า MTBF อาจอยู่ในช่วงหลายร้อยชั่วโมง และ MTTR อยู่ในช่วงไม่กี่ชั่วโมง 35อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่ให้มายังขาดค่าเกณฑ์มาตรฐานที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่มีกำลังการผลิต 45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเหล่านี้จำเป็นต้องมีข้อมูลการบำรุงรักษาในอดีตโดยละเอียดจากโรงงานหลายแห่งที่มีกำลังการผลิตใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม แนวคิดของ MTBF และ MTTR มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการบำรุงรักษาเชิงรุกและการลดเวลาหยุดทำงานให้เหลือน้อยที่สุด 34
  • 3.4. ปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อมใช้งานและความน่าเชื่อถือ: ความพร้อมใช้งานและความน่าเชื่อถือในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มได้รับอิทธิพลจากปัจจัยที่ซับซ้อนหลายประการ ตั้งแต่คุณภาพของวัตถุดิบและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ ไปจนถึงความพร้อมของแรงงานและสภาวะภายนอก เช่น สภาพอากาศและฤดูกาล 36 แหล่งที่มาของการสูญเสียน้ำมัน (เช่น วัสดุปลูกปาล์ม ผลปาล์มร่วง น้ำทิ้งจากกระบวนการ) อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานและความพร้อมใช้งานโดยตรง 36 นอกจากนี้ คุณภาพของวัตถุดิบ สภาพของอุปกรณ์และเครื่องจักร พฤติกรรมของคนงาน และสภาพแวดล้อม เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อผลผลิต CPO ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความพร้อมใช้งานทางอ้อม 37 การขาดแคลน FFB ปาล์มอายุมาก การขาดแคลนแรงงาน การปลูกทดแทน ข้อจำกัดด้านฤดูกาล และการขาดการตรวจสอบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิต CPO ซึ่งอาจนำไปสู่การหยุดทำงาน 38

4. เกณฑ์มาตรฐานประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) ในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม (45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง)

  • 4.1. ความเข้าใจเกี่ยวกับ OEE และองค์ประกอบ: ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) เป็นตัวชี้วัดที่ประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตเมื่อเทียบกับศักยภาพสูงสุดในช่วงเวลาการผลิตที่วางแผนไว้ 11 OEE ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักสามประการ ได้แก่ ความพร้อมใช้งาน (Availability) ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ของเวลาที่อุปกรณ์พร้อมใช้งาน ประสิทธิภาพ (Performance) ซึ่งเป็นความเร็วในการทำงานของอุปกรณ์เมื่อเทียบกับความเร็วที่ออกแบบไว้ และคุณภาพ (Quality) ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 11 OEE สามารถคำนวณได้จากสูตร: OEE = ความพร้อมใช้งาน x ประสิทธิภาพ x คุณภาพ 11
  • 4.2. เกณฑ์มาตรฐาน OEE จากเอกสารวิจัย: ข้อมูลจากเอกสารวิจัยระบุว่าประสิทธิภาพ OEE ในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแห่งหนึ่งในมาเลเซียอยู่ในช่วง 60% ถึง 85% โดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 2 (ตามมาตราส่วนระดับโลก) 4 ความพร้อมใช้งานเป็นองค์ประกอบที่ต่ำที่สุด โดยอยู่ที่ 58.20% 4 ซึ่งบ่งชี้ว่าเป้าหมาย OEE ที่สมเหตุสมผลสำหรับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในช่วงกำลังการผลิตนี้อาจอยู่ที่ประมาณ 65-75% โดยผู้ที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมอาจเข้าถึงระดับล่างของมาตราส่วนระดับโลก (80-85%) ความพร้อมใช้งานที่ต่ำเน้นให้เห็นถึงประเด็นสำคัญที่ต้องปรับปรุง 4 ข้อมูลจากอุตสาหกรรมการผลิตโดยทั่วไประบุว่าคะแนน OEE ส่วนใหญ่อยู่ใกล้เคียง 55-60% ในขณะที่ระดับโลกอยู่ที่มากกว่า 85% 32 มาตรฐานระดับโลกตามทฤษฎีสำหรับ OEE อยู่ที่ 85% ซึ่งมักถือว่าเป็น “ระดับโลก” 11 อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่น่าจะบรรลุผลลัพธ์นี้ โดยหลายรายมีค่า OEE ใกล้เคียง 55-60% 11 สำหรับผู้ผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง มีการพิจารณาว่า OEE ที่ 85% เป็นระดับโลก 60% เป็นระดับทั่วไป และ 40% ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มติดตาม 39 การประเมิน OEE ในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มอีกแห่งในมาเลเซียพบว่าอยู่ในช่วง 60% ถึง 85% โดยความพร้อมใช้งานเป็นปัจจัยที่ต่ำที่สุด (58.20%) 4 ตัวอย่างการคำนวณ OEE ได้ผลลัพธ์ที่ 73.6% 33 มีรายงานว่าค่า OEE สูงในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยว แต่ต่ำในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเนื่องจากกำลังการผลิตไม่เพียงพอ 5 เป้าหมาย OEE มาตรฐานระดับโลกระบุว่า ความพร้อมใช้งาน >90%, ประสิทธิภาพ >95%, คุณภาพ >99.9% ซึ่งส่งผลให้ OEE >85% 44โดยสรุปแล้ว OEE ในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่มีกำลังการผลิต 45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง โดยเฉลี่ยแล้วน่าจะอยู่ที่ประมาณ 65-75% โดยมีโอกาสในการปรับปรุงอย่างมากเพื่อไปถึงระดับโลก (>85%) ความพร้อมใช้งานเป็นปัจจัยจำกัดที่สำคัญ
  • 4.3. เกณฑ์มาตรฐานองค์ประกอบ (ความพร้อมใช้งาน ประสิทธิภาพ คุณภาพ): เพื่อให้บรรลุ OEE ระดับโลก จำเป็นต้องมีคะแนนที่สูงมากในทั้งสามองค์ประกอบ โดยทั่วไปแล้วเป้าหมายระดับโลกคือ ความพร้อมใช้งาน 92-94%, ประสิทธิภาพ 90-92% และคุณภาพ 98-99% 4 หรืออีกมาตรฐานหนึ่งคือ ความพร้อมใช้งาน >90%, ประสิทธิภาพ >95%, คุณภาพ >99.9% 44 อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพจริงในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความพร้อมใช้งาน (ซึ่งตัวอย่างระบุว่าอาจอยู่ที่ประมาณ 60-75%) และประสิทธิภาพ (ประมาณ 75-90%) อาจต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ตั้งไว้ คุณภาพดูเหมือนจะเป็นส่วนที่แข็งแกร่งกว่า โดยอาจสูงกว่า 90% 5 ตัวอย่างการคำนวณ OEE แสดงให้เห็นว่าแม้ประสิทธิภาพและคุณภาพจะค่อนข้างสูง แต่ความพร้อมใช้งานยังคงเป็นปัญหา 11 ตัวอย่างอื่นๆ แสดงให้เห็นคะแนนองค์ประกอบที่สูงขึ้น แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายระดับโลก 33

5. ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPIs) อื่นๆ สำหรับการดำเนินงานของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม (45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง)

  • 5.1. อัตราการสกัดน้ำมัน (OER): อัตราการสกัดน้ำมัน (Oil Extraction Rate: OER) เป็น KPI ที่สำคัญ ซึ่งหมายถึง ปริมาณน้ำมันที่สามารถสกัดได้จาก FFB 36 อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของมาเลเซียกำหนดเป้าหมาย OER ขั้นต่ำไว้ที่ 18% สำหรับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทั้งหมด โดยอาจมีการดำเนินการหากพบว่าต่ำกว่าเป้าหมาย 45 รายงานประสิทธิภาพ OER ในมาเลเซียในปี 2022 พบว่าต่ำสุดอยู่ที่ 19.39% ในเดือนกุมภาพันธ์ และโดยรวมแล้วประสิทธิภาพต่ำกว่าปีก่อนหน้า 46 สำหรับปี 2023 OER ในมาเลเซียอยู่ที่ 19.86% และในปี 2022 อยู่ที่ 19.70% 47 ในปี 2020 OER ในมาเลเซียลดลงเหลือ 19.92% จาก 20.21% ในปี 2019 48 อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานบ่งชี้ว่าด้วยแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดและการนำเทคโนโลยีมาใช้ OER มีศักยภาพที่จะสูงกว่า 25-30% 49
  • 5.2. การวิเคราะห์เวลาหยุดทำงาน: การลดเวลาหยุดทำงานให้เหลือน้อยที่สุดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โรงงานหลายแห่งยังคงพึ่งพาการบำรุงรักษาเชิงรับ ซึ่งนำไปสู่การหยุดทำงานที่ไม่คาดคิดและต้นทุนการซ่อมแซมที่สูง 51 ความขัดข้องของเครื่องจักรและการขาดแคลนอุปทาน FFB เป็นสาเหตุที่ทำให้โรงงานทำงานต่ำกว่ากำลังการผลิต โดยเวลาหยุดทำงานเป็นปัจจัยสำคัญ 52 การจัดการการบำรุงรักษาที่ไม่ดีอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสามารถในการแข่งขันโดยการลดปริมาณงาน 53 อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการนำเครื่องมือการผลิตแบบลีนมาใช้ช่วยลดเวลาหยุดทำงานของเครื่องจักรจากค่าเฉลี่ยรายปี 5,498.6 ชั่วโมง เหลือ 2,472.4 ชั่วโมง 54 การลด MTTR (Mean Time To Repair) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดเวลาหยุดทำงาน 34
  • 5.3. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: การใช้พลังงานเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงานของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงงานขนาดใหญ่ โรงงานที่มีกำลังการผลิต 60 ตัน/ชั่วโมง ต้องการพลังงานไฟฟ้าประมาณสองเท่าของโรงงานที่มีกำลังการผลิต 30 ตัน FFB/ชั่วโมง (20-25 เมกะวัตต์) 55 โรงงานที่มีกำลังการผลิต 45 ตัน FFB/ชั่วโมง มีศักยภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้า 0.95–1.52 เมกะวัตต์ จาก POME (Palm Oil Mill Effluent) 56 โรงงานที่มีกำลังการผลิตสูงกว่าสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองได้โดยใช้วัสดุเหลือใช้จากชีวมวล ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุน 57 ศักยภาพในการผลิตพลังงานจากของเสียยังได้รับการยืนยันในโรงงานขนาด 45 ตัน/ชั่วโมง 58 การใช้ผลพลอยได้ เช่น POME และชีวมวลอื่นๆ ในการผลิตพลังงาน ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดที่สามารถปรับปรุงความยั่งยืน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และอาจทำให้สามารถส่งออกพลังงานส่วนเกินได้ 56

6. ความท้าทายและข้อควรพิจารณาในการใช้รายงานของผู้ผลิตเพื่อเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานรายงานของผู้ผลิตอาจไม่ได้ให้ภาพรวมที่สมบูรณ์หรือเป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพการดำเนินงานเสมอไป 59 อาจมีความแตกต่างในวิธีการรายงาน คำจำกัดความของตัวชี้วัด และระดับรายละเอียดที่ให้ไว้ 59 นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอคติในข้อมูลที่รายงานด้วยตนเอง 60 ดังนั้น การเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานจึงควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น อายุและเทคโนโลยีของโรงงาน คุณภาพของ FFB ที่นำมาแปรรูป และบริบทการดำเนินงานที่เฉพาะเจาะจง 59 ข้อมูลที่รายงานด้วยตนเองอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือเปรียบเทียบโดยตรงระหว่างผู้ผลิตรายต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากอาจมีแรงจูงใจในการนำเสนอข้อมูลในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ การตระหนักถึงข้อจำกัดเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐาน

7. ข้อเสนอแนะสำหรับการใช้ประโยชน์และการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐาน

ขอแนะนำให้ใช้ช่วงเกณฑ์มาตรฐานที่ได้มาเป็นตัวบ่งชี้เบื้องต้นมากกว่าที่จะเป็นมาตรฐานที่ชัดเจน หากเป็นไปได้ ควรมีการรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เพื่อปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น ควรมีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับโรงงานที่มีกำลังการผลิตและการกำหนดค่าทางเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน การติดตามแนวโน้มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในโรงงานของตนเองเมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิ่งสำคัญ ควรมีการมุ่งเน้นที่การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยการกำหนดเป้าหมายภายในและติดตามความคืบหน้าเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานเหล่านี้

8. บทสรุป

จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ให้มา สามารถกำหนดช่วงเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้นสำหรับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่มีกำลังการผลิต 45-60 ตัน FFB/ชั่วโมง ได้ดังนี้:

ตัวชี้วัดประสิทธิภาพช่วงเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้นหมายเหตุ/ข้อควรพิจารณา
ความพร้อมใช้งาน75-85%, เป้าหมาย >90%อาจลดลงในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว
OEE65-75%, เป้าหมาย >85%ความพร้อมใช้งานเป็นปัจจัยจำกัดหลัก
OER18-20%, ศักยภาพ >25-30%ขึ้นอยู่กับคุณภาพ FFB และประสิทธิภาพการแปรรูป
MTBF/MTTRข้อมูลจำกัด, ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดตามภายในโรงงาน

เกณฑ์มาตรฐานเหล่านี้ควรใช้เป็นแนวทางเบื้องต้น และจำเป็นต้องมีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความแม่นยำและเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น การติดตามประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและการเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานมีคุณค่าอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดำเนินงานและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม

researchgate.net(PDF) EVALUATION OF OVERALL EQUIPMENT EFFECTIVENESS PERFORMANCE IN THE MALAYSIAN PALM OIL MILL: A CASE STUDY – ResearchGateเปิดในหน้าต่างใหม่informaticsjournals.co.inA Case Study to Determine OEE – A KPI Representing the Overall Productivity of a Machine – Informatics Journalsเปิดในหน้าต่างใหม่repo.uum.edu.myMaintenance Management Performance – An Overview towards Evaluating Malaysian Palm Oil Millเปิดในหน้าต่างใหม่iocscience.orgProductivity Analysis And Engineering Of Oil Palm Factory Productivity Process On Boiler Work Effectiveness At PTPN III PKS Sei – IOCScienceเปิดในหน้าต่างใหม่micromain.comHow to Improve Your Calculate MTBF and MTTR Skills in 5 Days – MicroMainเปิดในหน้าต่างใหม่llumin.comMean Time Between Failure (MTBF) And MTTR: A Complete Guide | LLuminเปิดในหน้าต่างใหม่globalscientificjournal.comMaster in Manufacturing Management 2020/2021 – Global Scientific Journalเปิดในหน้าต่างใหม่researchgate.netEvaluation of valuable chain in palm oil industry based on SCOR model: A case studyเปิดในหน้าต่างใหม่umpir.ump.edu.myEmpirical analysis on the critical success factor for benchmarking implementation in palm oil industry – UMPSA-IRเปิดในหน้าต่างใหม่journals.utm.myA Study on Benchmarking Technique Understanding and Knowledge in Malaysia Palm Oil Milling Industry | Jurnal Teknologi (Sciences & Engineering) – UTM Press Journal Management powered by OJSเปิดในหน้าต่างใหม่scribd.comMaintenance Management Performance of Malaysian Palm Oil Mills | PDF – Scribdเปิดในหน้าต่างใหม่researchgate.netDesign of Key Performance Indicators (KPI) for Sustainable Supply Chain Management (SSCM) Palm Oil Industry in Indonesia – ResearchGateเปิดในหน้าต่างใหม่researchgate.netSustainable palm oil assessment framework [44] (the HPI, KPI and PMs… – ResearchGateเปิดในหน้าต่างใหม่aasmr.orgAn Integrated SCOR-AHP Framework for Evaluating Sustainable Supply Chain Performance of Palm Oil Mills………………………..72 – Success Culture Pressเปิดในหน้าต่างใหม่researchgate.netPerformance Analysis in Palm Oil Industry Using Supply Chain Operations Reference (SCOR) Model – ResearchGateเปิดในหน้าต่างใหม่leanproduction.comOEE (Overall Equipment Effectiveness) – Lean Productionเปิดในหน้าต่างใหม่researchgate.netMaximize Productivity in Palm Oil Mills with Effective Maintenance Strategiesเปิดในหน้าต่างใหม่ajol.infoUse of lean manufacturing system in palm oil mill for generating maximum yield – African Journals Online (AJOL)เปิดในหน้าต่างใหม่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *